LOCAL WEAR TOURISM in SADO
[การท่องเที่ยวที่เน้นการแต่งกายแบบท้องถิ่น]
Snow Peak LANDSTATION HARAJUKU Store Manager
Asami Yamashita / อาสามิ ยามาชิตะ

เกาะซาโดะ จังหวัดนีงาตะ เป็นเกาะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของการค้าขาย ทำให้เกิดวัฒนธรรมและอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่
ฉันได้มีโอกาสไปร่วมเดินทาง 1 คืน 2 วัน ที่เกาะซาโดะ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การทำงาน และการสวมใส่ชุดทำงานแบบดั้งเดิมของชาวเกาะ

วันที่หนึ่ง เราได้กางเต็นท์ข้างเวทีแสดงโนห์ และในคืนนั้น ได้ลิ้มลองอาหารที่ปรุงโดยเชฟระดับโลกอย่างเชฟอารัน ซึ่งวัตถุดิบหลักคือ ผักสดๆ จากเกาะซาโดะ ผักเหล่านั้นสดชื่นมากจนทานเปล่าๆ ก็อร่อยแล้ว
ดังนั้นเชฟจึงเน้นการปรุงรสให้น้อยที่สุดเพื่อคงรสชาติความอร่อยตามธรรมชาติของวัตถุดิบ โดยเฉพาะมะเขือเทศเชอรี่ที่ทำให้ฉันประทับใจเป็นพิเศษ

อาหารจานนั้นดูเรียบง่ายมาก เพียงแค่เอาไปย่างไฟเบาๆ แล้วราดด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ และโรสแมรี่ แต่รสชาติกลับกลมกล่อมอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นเป็นเพราะเชฟอารันเข้าใจถึงคุณค่าของวัตถุดิบเป็นอย่างดี
การปรุงอาหารแบบเรียบง่ายนี้ ทำให้กลิ่นหอม รสชาติ และความหวานของวัตถุดิบโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน และสัมผัสได้ถึงความอร่อยที่ลงตัวอย่างแท้จริง มื้อค่ำในครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความขอบคุณและความรักที่เชฟอารันมีต่อธรรมชาติ

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อค่ำแล้ว เราก็ได้ชมการแสดงศิลปะการตีกลองญี่ปุ่นโบราณอย่าง ศิลปะการตีกลองญี่ปุ่นโบราณ ใต้แสงดาวเต็มฟ้า พร้อมกับนั่งชมเปลวไฟที่ลุกไหม้เพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะเข้านอน
ในเช้าวันต่อมา หรือวันที่สอง เราได้มีโอกาสลงมือทำกิจกรรมหลักของทริปนี้ นั่นคือ การปลูกข้าวในนาขั้นบันไดที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ปกติแล้ว นาขั้นบันไดจะคิดเป็นเพียง 8% ของพื้นที่นาข้าวทั้งหมดในญี่ปุ่น และมีมากกว่า 40% ที่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว นาขั้นบันไดนั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่จะให้ข้าวที่มีคุณภาพดีและอร่อย ยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และป้องกันภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม และดินสไลด์ ได้อีกด้วย

การปลูกข้าวเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าสดใส ร่วมกับเกษตรกรท้องถิ่นที่ดูแลนาผืนนี้
ความรู้สึกของดินเย็นๆ ที่สัมผัสกับเท้านั้น สดชื่นและรู้สึกดีมากๆ รากของต้นกล้าที่ได้รับมานั้นพันกันแน่นและแข็งแรงมาก เมื่อจับต้นกล้า 2-3 ต้นและปลูกลงในดิน ต้องระวังไม่ให้ปลูกลึกเกินไป หรือตื้นเกินไป พอเริ่มมีทักษะในการปลูก ทุกคนที่เคยฮือฮาและพูดคุยเสียงดัง ก็เริ่มเงียบลงไป ทีนี้การปลูกข้าวกลายเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง และธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง
ดวงอาทิตย์ที่สดใส ข้าวทุ่งที่เปล่งประกายระยิบระยับ เส้นขอบฟ้าที่ตรงเป๊ะ เสียงนกจิ๊บๆ เสียงกบร้องลั่น ลมอ่อนๆ ที่พัดมา และน้ำในนาอุ่นๆ พร้อมกับโคลนเย็นๆ และกลิ่นหญ้า พวกเรารู้สึกได้ถึงการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างเต็มที่ จังหวัดซาโดะได้โอบล้อมเราให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ตอนแรกเตรียมถุงมือ และรองเท้าให้ลูกค้า แต่ทุกคนกลับถอดรองเท้าเดินในโคลนโดยไม่แคร์เลย พวกเขาไม่สนใจความสกปรก และเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะสัมผัสโคลน ทำให้ฉันคิดขึ้นมาในใจว่า นี่แหละคือเสน่ห์ของการเดินทางครั้งนี้ นี่แหละคือ 'ธรรมชาติที่หรูหราที่สุด'
ซาโดะคือเกาะที่ยังคงรักษาการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไว้ ที่นี่ผู้คนเกิด โต ทำงาน เลี้ยงลูก และแก่ตัวไป การใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายตามธรรมชาติที่มีความงามแบบธรรมชาติแท้ๆ ได้แผ่ความสงบและความสวยงามออกมาในทุกๆ แง่มุมของชีวิต

การท่องเที่ยวแบบ Local Wear ของ Snow Peak จะพาคุณไปพบกับเสน่ห์ของท้องถิ่นต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมือง การผลิตสินค้าที่สืบทอดกันมา และวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆ การได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามนับเป็นสิ่งที่หรูหราที่สุด การเดินทางของ Snow Peak ยังคงดำเนินต่อไป
โปรดติดตามชมกันนะ

Comments