top of page

มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฟังเสียงลม และมุ่งหน้าไปสู่ขอบฟ้า

campstudiothailand

LOCAL LIFE TOURISM in INUJIMA


Creative Director

Taiga Beppu / ไทกะ เบปปุ



ฉันมีตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่ใช้ประเมินสภาพจิตใจของตัวเอง


นั่นคือ จำนวนครั้งที่ฉันแหงนมองดูท้องฟ้าในหนึ่งวัน


เริ่มต้นจากแสงอรุณ ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และในที่สุดท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีอีกครั้งขณะที่มันเคลื่อนไปสู่ขอบฟ้า ฉันมักจะมองดูท้องฟ้าเมื่อมีโอกาส


ทุกวันฉันทำงานโดยวางคอมพิวเตอร์ไว้หน้าต่างบานใหญ่ของบ้าน การสังเกตท้องฟ้าอยู่เสมอนั้นทำให้ฉันได้รู้หลายสิ่งหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิดในแต่ละวัน สีฟ้าของท้องฟ้าและรูปร่างของเมฆที่แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละฤดูกาล ความงามของพระอาทิตย์ตกดินเมื่อมีเมฆอยู่บ้าง ความสวยงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวซึ่งมีเมฆบางๆ ปกคลุมอยู่


"กระแสน้ำในแม่น้ำไหลไปไม่หยุดหย่อน และน้ำนั้นก็ไม่ใช่สายเดิมอีกต่อไป"


อยู่ๆ ฉันก็นึกถึงประโยคหนึ่งใน "Hojoki" เมื่อเห็นว่า Kamo no Chomei สังเกตธรรมชาติได้ดี และแสดงออกถึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างสวยงามและน่าทึ่ง




การใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียว บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนตัดขาดจากธรรมชาติ ทั้งๆที่ท้องฟ้าก็ยังคงมีอยู่ตรงนั้น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็ยังคงส่องแสงให้เราอยู่ทุกวัน วันไหนที่ฉันไม่ได้แหงนมองดูท้องฟ้า วันนั้นฉันคงจะยุ่งมากๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว มันใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง แต่ฉันก็ไม่อยากพลาดที่จะได้เห็นความสวยงามของโลกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา และนั่นก็เลยทำให้ฉันมีแนวทางใหม่ในการสังเกตธรรมชาติ


ในแต่ละวัน ฉันได้ยินเสียงลมกี่ครั้งกันนะ?


ลมก็เหมือนกับท้องฟ้า ที่พัดอยู่รอบๆ ตัวเราตลอดเวลา แม้ว่าเราจะอยู่ในห้อง เราก็ยังได้ยินเสียงลมพัดกระทบหน้าต่าง หรือเห็นต้นไม้เอนไหวไปตามลม ซึ่งนั่นก็ทำให้เรารับรู้ได้ว่ามีลมอยู่


เสียงของลม ความเย็น ความแรง ทิศทางลม ลมสัมผัสกับส่วนไหนของร่างกายเราบ้าง ลมที่เราสัมผัสได้ในวันนี้เหมือนกับลมที่เราเคยสัมผัสได้เมื่อวันไหนบ้างนะ?


วันนี้ฉันได้สัมผัสกับลมมากแค่ไหน ได้ค้นพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในลมมากแค่ไหนกันนะ?




เกาะอินุจิมะเป็นเกาะที่ได้ยินเสียงลม


เกาะเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 34 คน ลอยอยู่กลางทะเลเซโตะใน ไม่มีที่พัก และมีงานศิลปะจาก "เทศกาลศิลปะนานาชาติเซโตะอุจิ 2019" ตั้งอยู่ทั่วเกาะ ฉันได้มาเยือนเกาะนี้เป็นครั้งแรกในทริปสุดพิเศษ 〈LOCAL LIFE TOURISM in INUJIMA〉 ของ Snow Peak ซึ่งฉันได้เพลิดเพลินกับงานศิลปะในตอนกลางวัน และทานอาหารเย็นพร้อมพักค้างแรมในแคมป์


วันนั้นเป็นวันที่ลมแรงมาก ความแรงของลมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมายวันแรก และก่อนอาหารเย็น ลมแรงถึงขนาดที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะปลิวหายไป แม้ว่าจะเป็นกลางเดือนพฤษภาคมแล้ว แต่ลมก็ยังคงพัดพาความเย็นมาด้วย





"หวือ หวือ"

ลมพัดหวีดผ่านข้างหูไปอย่างแรง


"ซ่า ซ่า"

คลื่นทะเลที่หน้าหาดทรายของลานกางเต็นท์ซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรง แล้วก็ถอยกลับไป แล้วก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง


"ซ่า ซ่า"

ต้นไม้เสียดสีกัน ส่งเสียงราวกับจะบอกว่าตัวเองก็อยู่ที่นี่


"กึกกัก กึกกัก"

ลมพัดกระหน่ำเต็นท์ แต่เต็นท์ก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงต้านลมต่อไป


"เปรี้ยง เปรี้ยง"

กองไฟที่เราก่อขึ้นมาด้วยกันถูกลมพัดกระพือ สะเก็ดไฟปลิวว่อนไปตามลม


ลมแรงขึ้นเรื่อยๆนะ วันที่ลมแรง มักจะเป็นหัวข้อสนทนาหลัก


เสียงลมที่เราเคยได้ยินมาตลอด แต่กลับไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง เมื่ออยู่ในธรรมชาติที่กว้างใหญ่ตลอดทั้งวัน ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปก็ถูกปลุกขึ้นมา ร่างกายเริ่มอ่อนไหว คำว่า "แรงบันดาลใจ" ที่ฟังดูดี คงจะใช้กับช่วงเวลาแบบนี้


แต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในธรรมชาติทุกที่ มันเป็นเพราะที่นี่คือเกาะอินุจิมะ




ปมของเรื่องนี้อยู่ที่ "พิพิธภัณฑ์โรงถลุงแร่เกาะอินุจิมะ" ที่เราได้ไปเยี่ยมชมเป็นที่แรกในการทัวร์นี้ สถาปัตยกรรมของฮิโรชิ ซันบุอิจิ ที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างของโรงถลุงแร่ที่ถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี โดยมีปล่องไฟเป็นแกน และใช้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของลมในการปรับอุณหภูมิ และจากกลไกนั้นเอง ทำให้พื้นที่มีน้ำบางๆ และเครื่องเรือนของมิชิมะ ยูคิโอะ โยกเย้กเบาๆ ไปตามลม ซึ่งเป็นกลุ่มงานศิลปะของยานางิ ยูคิโนริ การดำรงอยู่ซึ่งความงามเชิงหน้าที่ และความงามเชิงรูปร่างรวมเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ งดงามจนอยากจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ที่ฉันรู้สึกไวต่อลมเป็นพิเศษ ก็คงเป็นเพราะฉันได้ไปที่พิพิธภัณฑ์โรงถลุงแร่เกาะอินุจิมะ


ในคืนนั้น ฉันได้รู้ว่าลมไม่ได้มีแค่ในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังมีลมในเชิงความรู้สึกด้วย





สิ่งที่ทำให้ผฉันตระหนักถึงเรื่องนี้คือ Allan Haunstrup ผู้ที่นำวงการอาหารของเดนมาร์กซึ่งเป็นที่จับตามองของทั่วโลก เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่สร้างกระแสวัฒนธรรมอาหารใหม่ของเดนมาร์ก "New Nordic" และได้เดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อการทัวร์ครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเขาได้ปรุงอาหารมื้อพิเศษให้พวกเรา


แทนที่จะเป็นอาหารคอร์ส 10 กว่าจานแบบ fine dining ทั่วไป เขากลับเลือกคอร์ส 6 จานที่ดีพอให้ลูกค้าจดจำอาหารได้ทั้งหมด โดยที่ไม่รบกวนบทสนทนาของลูกค้ามากนัก เป็นประสบการณ์ที่น่าประหลาดใจด้วยสัมผัสที่แตกต่างจากคนญี่ปุ่น เช่น อาหารที่ใช้พริกหวานที่ให้รสหวานแล้วเผ็ด หรือสลัดที่ผสมแตงโมกับสมุนไพรทำเป็นน้ำสลัด



เมื่อทานอาหารอร่อยๆ รอยยิ้มก็จะปรากฏออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และบทสนทนาก็จะไหลลื่นข้ามโต๊ะ แม้ว่าตอนแรกจะเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ทุกคนก็สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว และเสียงหัวเราะก็ดังไปทั่ว ลมที่ Allan นำมานั้นได้โอบล้อมทุกคนไว้อย่างสบาย


ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่นั้นเป็นลานกางเต็นท์กลางแจ้ง Allan ได้กำหนดเมนูโดยอาศัยสิ่งที่เขารู้สึกได้ในท้องถิ่น และวัตถุดิบทั้งหมดก็จัดหามาจากบริเวณใกล้เคียงเกาะอินุจิมะ เป็นอาหารค่ำที่พิเศษจริงๆ ที่ปรุงโดยทีมงานทุกคนโดยแบ่งงานกันทำด้วยอุปกรณ์ของ Snow Peak





ความจริงแล้ว ฉันได้เห็นช่วงเวลาที่ความร่วมมืออันน่าทึ่งนี้เกิดขึ้นกับตาตัวเอง


ตอนที่ฉันไปตั้งแคมป์ในหุบเขาอันห่างไกลของสวีเดนกับคุณริสะ ยามาอิ ดีไซเนอร์ของ Snow Peak Apparel และสองพี่น้อง Inoue ผู้ที่ผลิตความร่วมมือในครั้งนี้


ทั้งสองคนพูดกับคุณริสะว่า "Snow Peak นั้นเท่ไปหมด และถ้าเราเชิญเชฟดีๆ มาทัวร์ด้วยกัน มันคงจะสนุกกว่านี้แน่ๆ เชฟจากเดนมาร์กจะต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้มา" คุณริสะตอบว่า "ดีเลย! เข้าใจแล้ว ลองทำดูกัน


บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นด้วยความเมา และกลายเป็นโครงการในครั้งนี้ ทุกคนรวมถึง Allan มีพลังในการลงมือทำที่น่าทึ่ง ลมนั้นคงจะเริ่มพัดมาจากตรงนั้น



ลมที่พัดในวันนั้น ที่พัดมาเพราะมีพวกเราอยู่ที่เกาะอินุจิมะ ลมแบบนั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว


แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ลมนั้นสัมผัสได้เสมอ และลมในเชิงความรู้สึกก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ และแบ่งปันกับคนที่ไม่รู้จักกันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ลมก็จะเข้ามาในตัวเรา และอย่างเช่นฉัน ก็สามารถสร้างลมในแบบของตัวเองได้ด้วยการเขียนบทความแบบนี้


ลมนั้นไม่ใช่ของใคร แต่เป็นเพียงสิ่งที่ดำรงอยู่ตรงนั้น ลมทางกายภาพและลมทางความรู้สึก การที่เราไม่รู้สึกถึงมัน เป็นเพราะเราไม่พยายามที่จะรู้สึก ในขณะนี้ ลมก็ยังคงพัดอยู่


ในหนึ่งวัน เราได้ยินเสียงลมกี่ครั้งกันนะ?


ฉันอยากเดินทางต่อไปในชีวิตด้วยก้าวเดินของตัวเอง ไปยังที่ที่ห่างไกลสุดขอบฟ้า พร้อมกับแหงนมองดูท้องฟ้ากับคนที่ผฉันชอบ และเงี่ยหูฟังเสียงลม





 








 
 
 

Kommentare


bottom of page