สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการไป Camping นั่นก็คือ อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างยามค่ำคืน วันนี้เราจะมาแนะนำสิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องเลือกไฟแคมป์ เพื่อให้ตรงต่อการใช้งานของคุณมากที่สุด
การเลือกโคมไฟตั้งแคมป์ส่วนใหญ่นอกจากจะเลือกจากความสะดวกในการใช้งานแล้ว เฉดสีของแสงไฟก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรคำนึงถึง เพราะสีของแสงไฟนั้นมีผลต่อบรรยากาศในแคมป์เป็นอย่างมาก
เฉดสีของไฟนั้นเรียกว่า "ค่าอุณหภูมิของแสง" หรือ "ค่า K (Kelvin)"
ถ้าคุณเคยเลือกซื้อไฟตั้งแคมป์ คงจะคุ้นเคยกับตัวเลข 3000K, 4500K หรือ 6500K ที่อยู่บนกล่องสินค้า นั่นคือระดับของค่า K
โดยระดับของค่า K ที่ต่างกัน จะทำให้เกิดอุณหภูมิของแสง และสีของแสงต่างกันออกไป ยิ่งอุณภูมิ K สูงขึ้นจะทำให้แสงไฟออกไปทางสีฟ้า แต่ถ้าอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจะทำให้แสงไฟมีลักษณะออกไปทางสีส้ม
มาดูกันว่าค่า K เท่าไร ? ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรา
ช่วงของไฟที่ 6500K สีของแสงที่ได้จะเป็นสีขาว หรือที่เราเรียกกันว่า เดย์ไลท์ (Day Light) เป็นโทนแสงเดียวกับแสงกลางวัน ให้แสงสว่างสูง ออกไปในโทนสีฟ้า มองเห็นได้ชัด ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุด เนื่องด้วยคุณสมบัติที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน สามารถนำไปใช้เป็นไฟแคมป์เพื่อส่องสว่างเป็นวงกว้าง สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ
ช่วงของไฟที่ 4000K-4500Kให้สว่างสีขาวธรรมชาติออกโทนอุ่น หรือที่นิยมเรียกกันว่า คูลไวท์ (Cool White) คล้ายแสงสว่างช่วงเช้า มีความนวล ที่ผสมระหว่าง Day light และ Warm white เป็นแสงไฟที่ให้ความสบายตา ทั้งยังให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา แสงที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่าย
ช่วงของไฟที่ 2500K-3000K สีของแสงที่ได้จะเป็นโทนแสงนวลตา หรือที่นิยมเรียกกันว่า วอร์มไวท์ (Warm White) หรือ ซอฟต์ไวท์ (Soft White) เป็นสีโทนอุ่น ให้ความสว่างไม่มากนัก ออกสีส้มนวล เหมาะกับการใช้เพื่อประดับตกแต่ง แสงไฟที่ตกกระทบทำให้บริเวณพื้นที่นั้นๆ ดูสวยงาม เหมาะกับแสงภายในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องที่ใช้ในการพักผ่อน ให้ความรู้สึกโรแมนติก ผ่อนคลายอีกด้วย
ช่วงของไฟที่ 1500K สีของแสงจะเป็นสีส้ม สีที่ใช้เรียกน้ำย่อยได้ดีและทำให้รู้สึกมีความสุขกับการกิน ช่วยทำให้บรรยากาศธรรมชาติรอบข้างดูมีความอุ่นและสวยแบบมีเสน่ห์น่าค้นหา ถ่ายภาพออกมามีความสวยแบบอาร์ตๆ
コメント